วิธีการค้นหารหัสแบทช์ของ SexyHair
การค้นหารหัสแบทช์บนเครื่องสำอางหรือน้ำหอมของ SexyHair มีขั้นตอนง่ายๆ ดังนี้:
-
ตรวจสอบบรรจุภัณฑ์: ในเบื้องต้น ให้ดูที่บรรจุภัณฑ์ของผลิตภัณฑ์เพื่อหาชุดตัวอักษรและตัวเลข ซึ่งเป็นรหัสแบทช์ โดยอาจอยู่บนกล่องที่ใช้บรรจุผลิตภัณฑ์หรืออยู่บนตัวบรรจุภัณฑ์ผลิตภัณฑ์โดยตรง
-
บรรจุภัณฑ์ผลิตภัณฑ์: หากไม่มีกล่องแล้ว ให้ตรวจสอบบรรจุภัณฑ์ผลิตภัณฑ์ รหัสแบทช์อาจพิมพ์หรือปั๊มอยู่ที่ด้านล่าง ด้านหลัง หรือตามขอบของบรรจุภัณฑ์
-
มองหาสัญลักษณ์: บางครั้งรหัสแบทช์จะอยู่ใกล้กับสัญลักษณ์ เช่น สัญลักษณ์ระยะเวลาหลังเปิดใช้ (PAO) ไอคอนรูปโถเปิดที่ระบุว่าผลิตภัณฑ์ปลอดภัยในการใช้งานนานเท่าใดหลังจากเปิดแล้ว
-
ตรวจสอบอย่างละเอียด: เนื่องจากรหัสแบทช์อาจมีขนาดตัวอักษรเล็กหรืออยู่ในบริเวณที่ไม่เด่นชัด ควรตรวจสอบให้แน่ใจว่ามีแสงสว่างเพียงพอ แว่นขยายอาจช่วยให้มองเห็นรหัสได้ชัดเจนยิ่งขึ้น
-
ฉลากผลิตภัณฑ์: ในบางครั้ง รหัสแบทช์อาจอยู่บนสติ๊กเกอร์หรือฉลากที่ติดอยู่กับผลิตภัณฑ์ แทนที่จะพิมพ์โดยตรงบนบรรจุภัณฑ์
หากพบว่าการค้นหาหรือตีความรหัสแบทช์เป็นเรื่องยาก แนะนำให้ติดต่อฝ่ายบริการลูกค้าของ SexyHair เพื่อขอความช่วยเหลือ พวกเขาสามารถให้ข้อมูลเชิงลึกตามรหัสแบทช์ ช่วยให้คุณทราบวันที่ผลิตของผลิตภัณฑ์และรับรองความสดใหม่และของแท้
เกี่ยวกับ SexyHair
SexyHair แบรนด์ภายใต้ Henkel AG & Co. KGaA เป็นผลิตภัณฑ์ดูแลผมมืออาชีพที่ช่วยให้บุคคลแสดงออกถึงสไตล์และการแสดงออกของตนผ่านเส้นผม ก่อตั้งโดยช่างทำผมระดับโลกที่ได้รับรางวัล Michael O'Rourke SexyHair ได้รับแรงบันดาลใจจากสไตล์ที่หลากหลายของลอสแอนเจลิส ตั้งแต่ผมยุ่งเหยิงแบบชายหาดไปจนถึงลุคพรมแดงที่หรูหรา แบรนด์เปิดตัวในปี 1998 ด้วยบรรจุภัณฑ์สีแดงโดดเด่น มีคำว่า "SEXY" ตัวใหญ่ดึงดูดความสนใจ ซึ่งถือว่าน่าตกใจและซุกซนในเวลานั้น ผลิตภัณฑ์หลักของ SexyHair รวมถึงผลิตภัณฑ์ดูแลและจัดแต่งทรงผมที่ตอบโจทย์กับเส้นผมและสไตล์ที่หลากหลาย ให้ประสิทธิภาพและการศึกษาเพื่อพัฒนาฝีมือของผู้เชี่ยวชาญในซาลอน
ผลิตภัณฑ์หลักของ SexyHair ถูกออกแบบมาเพื่อตอบโจทย์เส้นผมและสไตล์ที่หลากหลาย ให้ประสิทธิภาพและการศึกษาเพื่อพัฒนาฝีมือของผู้เชี่ยวชาญในซาลอน ผลิตภัณฑ์ในไลน์รวมถึงแชมพู คอนดิชันเนอร์ ผลิตภัณฑ์จัดแต่งทรงผม และทรีทเมนต์ที่ออกแบบมาเพื่อให้ผลลัพธ์คุณภาพซาลอน ผลิตภัณฑ์หลักของ SexyHair รวมถึงไลน์ "Big Sexy Hair" ที่ออกแบบมาเพื่อเพิ่มวอลลุ่มและเนื้อสัมผัสให้กับผมเส้นเล็กหรือบาง และไลน์ "Smooth Sexy Hair" ที่ออกแบบมาเพื่อลดการชี้ฟูและเพิ่มความเงางามให้กับผมดื้อ ผลิตภัณฑ์ของแบรนด์ถูกปรุงด้วยส่วนผสมคุณภาพสูงและออกแบบมาเพื่อให้ผลลัพธ์คุณภาพซาลอน ทำให้เป็นที่นิยมในหมู่ช่างทำผมและผู้บริโภค
SexyHair เป็นแบรนด์ที่รู้จักในภาพลักษณ์ที่กล้าและยั่วยวน ซึ่งช่วยให้โดดเด่นในตลาดผลิตภัณฑ์ดูแลผมมืออาชีพที่แออัด ผลิตภัณฑ์หลักของแบรนด์ เช่น ไลน์ "Big Sexy Hair" และ "Smooth Sexy Hair" ได้กลายเป็นสัญลักษณ์ของการดูแลและจัดแต่งทรงผมคุณภาพสูง การรับรู้ตลาดของ SexyHair เป็นแบรนด์ที่ไม่กลัวที่จะผลักดันขอบเขตและท้าทายข้อกำหนด ซึ่งช่วยให้ดึงดูดผู้บริโภคและช่างทำผมหลากหลาย แบรนด์ให้ความสำคัญกับการแสดงออกถึงตัวตนและสไตล์ยังช่วยให้สร้างฐานผู้ติดตามที่ภักดี โดยมีผู้บริโภคและช่างทำผมหลายคนยอมรับอุดมการณ์ของแบรนด์และใช้ผลิตภัณฑ์เพื่อสร้างสไตล์ที่เป็นเอกลักษณ์ของตนเอง
สำรวจแบรนด์เพิ่มเติมโดย Henkel AG & Co. KGaA
ตรวจสอบวันที่ผลิตของเครื่องสำอางและน้ำหอมของคุณตอนนี้
- #mydentity
- Alexander Style
- all® laundry
- Alterna
- Authentic Beauty Concept
- Bain de Terre
- Barnängen
- BC Bonacure
- Better Natured
- Big D
- Bio Presto
- Blonde
- BlondMe
- Bloom
- Blue Star
- Bref
- Bref Sonasol WC
- Bruynzeel
- Catch
- Clin
- Cold Power
- Color & Art
- Color Expert
- Colour Catcher
- Combat
- Conejo
- Croc Odor
- Cucal
- Dac
- Dato
- Décap'Four
- Deni
- Diadem
- Dial
- Dixan
- Dixi
- Drago
- Dum Dum
- Dylon
- Eau Ecarlate
- Eparcyl
- Essensity
- Estrella
- Fa
- Fewa
- Fibreplex
- Freshlight
- got2b
- Havu Mäntysuopa
- Hawaii
- Hidra Color
- Home Mat & Home Keeper
- Iba
- Igora
- Indola
- Instanet
- ipro
- Joico
- K2r
- Kenra Professional
- Kit Racines
- Küül
- La Toja
- Le Chat
- Lysoform
- Magno
- Maison Verte
- Mir
- Natural Beauty Care (nbc)
- Natural Styling
- Nature Box
- Nelsen
- Oil Ultime
- Only Love
- Osis+
- Osis+ Session Label
- Oust Descalers
- Palette
- Patrice
- Perlana
- Persil
- Perwoll
- Pravana
- Pril
- Pro Nature
- Pur
- Pure Color
- Purex
- Re-Nature
- Renuzit
- Sard Wonder
- Schauma
- Schwarzkopf
- Schwarzkopf Beology
- Schwarzkopf Brillance
- Schwarzkopf Colour Specialist
- Schwarzkopf Country Colors
- Schwarzkopf Gliss
- Schwarzkopf Konzil
- Schwarzkopf LIVE
- Schwarzkopf Men
- Schwarzkopf Natural & Easy
- Schwarzkopf Nordic Blonde
- Schwarzkopf Perfect Mousse
- Schwarzkopf Pert
- Schwarzkopf Poly Color Cream Hair Dye
- Schwarzkopf Taft
- SEAH
- Session Label
- SexyHair
- Shamtu
- Sidol
- Silan
- Silhouette
- SK Men
- Snuggle
- Soft Scrub
- Sparks
- Strait Styling
- Sun Laundry & Dish
- Supreme Keratin
- Syoss
- tbh - true beautiful honest
- Tec Italy
- Tolu
- Tone
- Vapona
- Vernel
- Viking
- Vim
- Vu
- WC Frisch
- Wellphoria™
- WK Ultra
- Xtreme
- YOU Naturellement + Sain
- Zen'sect
- Zotos Professional
บล็อกยอดนิยม
ค้นหาข้อมูลเพิ่มเติมเกี่ยวกับเครื่องสำอางและน้ำหอม
- Batch Code คืออะไร Batch Code หรือ "รหัสแบทช์" คือตัวระบุเฉพาะที่ใช้ในการติดตามกลุ่มสินค้าหรือผลิตภัณฑ์ที่ผลิตในช่วงเวลาเดียวกัน มันช่วยให้ผู้ผลิตสามารถติดตามและระบุแหล่งที่มาของสินค้าได้อย่างแม่นยำ เมื่อเกิดปัญหาหรือข้อกังวลด้านคุณภาพ รหัสแบทช์มักจะประกอบด้วยตัวอักษร ตัวเลข หรือทั้งสองอย่างผสมกัน ซึ่งบ่งบอกถึงข้อมูลสำคัญ เช่น วันที่ผลิต สถานที่ผลิต หรือหมายเลขกะการผลิต ข้อมูลเหล่านี้ช่วยให้สามารถระบุและแยกแยะผลิตภัณฑ์ที่ผลิตในช่วงเวลาใดเวลาหนึ่งได้อย่างชัดเจน การใช้รหัสแบทช์เป็นสิ่งสำคัญในอุตสาหกรรมต่างๆ เช่น อาหารและยา เพื่อให้แน่ใจว่าผลิตภัณฑ์มีคุณภาพและปลอดภัยสำหรับผู้บริโภค นอกจากนี้ยังช่วยอำนวยความสะดวกในการเรียกคืนสินค้า หากพบปัญหาหรือข้อบกพร่องในภายหลัง
- ฉันจะแปลเนื้อหาด้านล่างเป็นภาษาไทยตามคำแนะนำของคุณ โดยจะแปลสองครั้ง ครั้งแรกจะแปลตรงตัวตามเนื้อหา และครั้งที่สองจะถ่ายทอดความหมายใหม่ให้เข้าใจง่ายและสอดคล้องกับวิธีการแสดงออกของภาษาไทย โดยยึดตามความหมายเดิม ฉันจะเว้นวรรคก่อนและหลังชื่อแบรนด์และผลิตภัณฑ์ที่เป็นภาษาอังกฤษ และจะรักษารูปแบบ markdown ไว้ โดยจะไม่ขยายเนื้อหาเพิ่มเติม ต่อไปนี้คือผลลัพธ์การแปลครั้งที่สองเป็นภาษาไทย: จะหารหัสแบทช์บนเครื่องสำอางและน้ำหอมของคุณได้ที่ไหน?
- วิธีตรวจสอบวันหมดอายุของเครื่องสำอางและน้ำหอม เครื่องสำอางและน้ำหอมเป็นผลิตภัณฑ์ที่มีอายุการใช้งาน ถ้าใช้เกินวันหมดอายุอาจส่งผลเสียต่อผิวหนังได้ เพื่อความปลอดภัย เราควรตรวจสอบวันหมดอายุก่อนซื้อและใช้ผลิตภัณฑ์เหล่านี้เสมอ โดยดูจากสัญลักษณ์รูปโหลเปิดฝา ซึ่งจะระบุอายุการใช้งานหลังเปิดใช้ เช่น 12M หมายถึงใช้ได้นาน 12 เดือนหลังเปิดฝา หรือสังเกตจากวันที่ผลิตและวันหมดอายุที่ระบุบนบรรจุภัณฑ์ เมื่อใช้ผลิตภัณฑ์ให้สังเกตการเปลี่ยนแปลงของสี กลิ่น เนื้อสัมผัส หากพบความผิดปกติควรหยุดใช้ทันที เพื่อให้ใช้เครื่องสำอางและน้ำหอมได้อย่างปลอดภัย อย่าลืมเช็กวันหมดอายุก่อนซื้อและใช้งานนะคะ