วิธีการค้นหารหัสแบทช์ของ SEAH
การค้นหารหัสแบทช์บนเครื่องสำอางหรือน้ำหอมของ SEAH มีขั้นตอนง่ายๆ ดังนี้:
-
ตรวจสอบบรรจุภัณฑ์: ในเบื้องต้น ให้ดูที่บรรจุภัณฑ์ของผลิตภัณฑ์เพื่อหาชุดตัวอักษรและตัวเลข ซึ่งเป็นรหัสแบทช์ โดยอาจอยู่บนกล่องที่ใช้บรรจุผลิตภัณฑ์หรืออยู่บนตัวบรรจุภัณฑ์ผลิตภัณฑ์โดยตรง
-
บรรจุภัณฑ์ผลิตภัณฑ์: หากไม่มีกล่องแล้ว ให้ตรวจสอบบรรจุภัณฑ์ผลิตภัณฑ์ รหัสแบทช์อาจพิมพ์หรือปั๊มอยู่ที่ด้านล่าง ด้านหลัง หรือตามขอบของบรรจุภัณฑ์
-
มองหาสัญลักษณ์: บางครั้งรหัสแบทช์จะอยู่ใกล้กับสัญลักษณ์ เช่น สัญลักษณ์ระยะเวลาหลังเปิดใช้ (PAO) ไอคอนรูปโถเปิดที่ระบุว่าผลิตภัณฑ์ปลอดภัยในการใช้งานนานเท่าใดหลังจากเปิดแล้ว
-
ตรวจสอบอย่างละเอียด: เนื่องจากรหัสแบทช์อาจมีขนาดตัวอักษรเล็กหรืออยู่ในบริเวณที่ไม่เด่นชัด ควรตรวจสอบให้แน่ใจว่ามีแสงสว่างเพียงพอ แว่นขยายอาจช่วยให้มองเห็นรหัสได้ชัดเจนยิ่งขึ้น
-
ฉลากผลิตภัณฑ์: ในบางครั้ง รหัสแบทช์อาจอยู่บนสติ๊กเกอร์หรือฉลากที่ติดอยู่กับผลิตภัณฑ์ แทนที่จะพิมพ์โดยตรงบนบรรจุภัณฑ์
หากพบว่าการค้นหาหรือตีความรหัสแบทช์เป็นเรื่องยาก แนะนำให้ติดต่อฝ่ายบริการลูกค้าของ SEAH เพื่อขอความช่วยเหลือ พวกเขาสามารถให้ข้อมูลเชิงลึกตามรหัสแบทช์ ช่วยให้คุณทราบวันที่ผลิตของผลิตภัณฑ์และรับรองความสดใหม่และของแท้
เกี่ยวกับ SEAH
Seah แบรนด์ภายใต้ Henkel AG & Co. KGaA เป็นผลิตภัณฑ์ดูแลเส้นผมแบบหรูหราที่ได้รับแรงบันดาลใจจากพิธีกรรมและประเพณีในสปา ผลิตภัณฑ์ของ Seah มีเป้าหมายเพื่อบรรเทาความเครียดและมอบประสบการณ์ดูแลเส้นผมแบบครบวงจรที่บำรุงทั้งเส้นผมและจิตใจ ส่งเสริมความสมดุลภายใน ความกลมกลืน และความเป็นอยู่ที่ดี ผลิตภัณฑ์ของแบรนด์ถูกออกแบบมาเพื่อยกระดับการดูแลเส้นผมให้เป็นประสบการณ์ดูแลตัวเองแบบหรูหรา สะท้อนถึงสาระสำคัญของการรักษาในสปาในผลิตภัณฑ์ดูแลเส้นผมที่ใช้ในชีวิตประจำวัน
ผลิตภัณฑ์หลักของ Seah รวมถึงผลิตภัณฑ์ดูแลเส้นผมหลากหลายที่ตอบสนองต่อประเภทและปัญหาเส้นผมที่แตกต่างกัน คอลเลกชันนี้มีแชมพู คอนดิชันเนอร์ และทรีตเมนต์ที่ผสมด้วยส่วนผสมคุณภาพสูงและสูตรนวัตกรรมที่ออกแบบมาเพื่อทำความสะอาด บำรุง และปกป้องเส้นผม ผลิตภัณฑ์เหล่านี้ถูกออกแบบมาเพื่อมอบผลลัพธ์ระดับมืออาชีพ ทำให้ผู้ใช้สามารถมีเส้นผมคุณภาพระดับซาลอนที่บ้านได้ ความมุ่งมั่นของแบรนด์ในเรื่องความหรูหราและคุณภาพปรากฏให้เห็นในสายผลิตภัณฑ์ที่คัดสรรมาอย่างพิถีพิถัน ซึ่งสะท้อนถึงความมุ่งมั่นของ Seah ในการมอบประสบการณ์การดูแลเส้นผมที่มีคุณภาพสูงสุด
Seah ได้ก่อตั้งตัวเองเป็นแบรนด์ที่มีชื่อเสียงในอุตสาหกรรมดูแลเส้นผม โดยเป็นที่ยอมรับในเรื่องความมุ่งมั่นในเรื่องความหรูหราและคุณภาพ ผลิตภัณฑ์ที่ได้รับแรงบันดาลใจจากสปาของแบรนด์ได้รับการตอบรับที่ดีจากตลาด โดยผู้ใช้ชื่นชมความสามารถของแบรนด์ในการเปลี่ยนการดูแลเส้นผมของพวกเขาให้เป็นประสบการณ์การดูแลตัวเองที่สดชื่น การวางตำแหน่งของ Seah เป็นผลิตภัณฑ์ดูแลเส้นผมแบบหรูหราสำหรับใช้ในชีวิตประจำวันได้รับการตอบรับที่ดีจากผู้บริโภคที่มองหาผลิตภัณฑ์ดูแลเส้นผมคุณภาพสูงระดับมืออาชีพที่สามารถทำตามคำมั่นสัญญาได้ การรับรู้ของตลาดต่อแบรนด์เป็นเครื่องยืนยันถึงความสามารถของแบรนด์ในการส่งมอบตามพันธกิจของการมอบประสบการณ์การดูแลเส้นผมที่หรูหราที่บำรุงทั้งเส้นผมและจิตใจ
สำรวจแบรนด์เพิ่มเติมโดย Henkel AG & Co. KGaA
ตรวจสอบวันที่ผลิตของเครื่องสำอางและน้ำหอมของคุณตอนนี้
- #mydentity
- Alexander Style
- all® laundry
- Alterna
- Authentic Beauty Concept
- Bain de Terre
- Barnängen
- BC Bonacure
- Better Natured
- Big D
- Bio Presto
- Blonde
- BlondMe
- Bloom
- Blue Star
- Bref
- Bref Sonasol WC
- Bruynzeel
- Catch
- Clin
- Cold Power
- Color & Art
- Color Expert
- Colour Catcher
- Combat
- Conejo
- Croc Odor
- Cucal
- Dac
- Dato
- Décap'Four
- Deni
- Diadem
- Dial
- Dixan
- Dixi
- Drago
- Dum Dum
- Dylon
- Eau Ecarlate
- Eparcyl
- Essensity
- Estrella
- Fa
- Fewa
- Fibreplex
- Freshlight
- got2b
- Havu Mäntysuopa
- Hawaii
- Hidra Color
- Home Mat & Home Keeper
- Iba
- Igora
- Indola
- Instanet
- ipro
- Joico
- K2r
- Kenra Professional
- Kit Racines
- Küül
- La Toja
- Le Chat
- Lysoform
- Magno
- Maison Verte
- Mir
- Natural Beauty Care (nbc)
- Natural Styling
- Nature Box
- Nelsen
- Oil Ultime
- Only Love
- Osis+
- Osis+ Session Label
- Oust Descalers
- Palette
- Patrice
- Perlana
- Persil
- Perwoll
- Pravana
- Pril
- Pro Nature
- Pur
- Pure Color
- Purex
- Re-Nature
- Renuzit
- Sard Wonder
- Schauma
- Schwarzkopf
- Schwarzkopf Beology
- Schwarzkopf Brillance
- Schwarzkopf Colour Specialist
- Schwarzkopf Country Colors
- Schwarzkopf Gliss
- Schwarzkopf Konzil
- Schwarzkopf LIVE
- Schwarzkopf Men
- Schwarzkopf Natural & Easy
- Schwarzkopf Nordic Blonde
- Schwarzkopf Perfect Mousse
- Schwarzkopf Pert
- Schwarzkopf Poly Color Cream Hair Dye
- Schwarzkopf Taft
- SEAH
- Session Label
- SexyHair
- Shamtu
- Sidol
- Silan
- Silhouette
- SK Men
- Snuggle
- Soft Scrub
- Sparks
- Strait Styling
- Sun Laundry & Dish
- Supreme Keratin
- Syoss
- tbh - true beautiful honest
- Tec Italy
- Tolu
- Tone
- Vapona
- Vernel
- Viking
- Vim
- Vu
- WC Frisch
- Wellphoria™
- WK Ultra
- Xtreme
- YOU Naturellement + Sain
- Zen'sect
- Zotos Professional
บล็อกยอดนิยม
ค้นหาข้อมูลเพิ่มเติมเกี่ยวกับเครื่องสำอางและน้ำหอม
- Batch Code คืออะไร Batch Code หรือ "รหัสแบทช์" คือตัวระบุเฉพาะที่ใช้ในการติดตามกลุ่มสินค้าหรือผลิตภัณฑ์ที่ผลิตในช่วงเวลาเดียวกัน มันช่วยให้ผู้ผลิตสามารถติดตามและระบุแหล่งที่มาของสินค้าได้อย่างแม่นยำ เมื่อเกิดปัญหาหรือข้อกังวลด้านคุณภาพ รหัสแบทช์มักจะประกอบด้วยตัวอักษร ตัวเลข หรือทั้งสองอย่างผสมกัน ซึ่งบ่งบอกถึงข้อมูลสำคัญ เช่น วันที่ผลิต สถานที่ผลิต หรือหมายเลขกะการผลิต ข้อมูลเหล่านี้ช่วยให้สามารถระบุและแยกแยะผลิตภัณฑ์ที่ผลิตในช่วงเวลาใดเวลาหนึ่งได้อย่างชัดเจน การใช้รหัสแบทช์เป็นสิ่งสำคัญในอุตสาหกรรมต่างๆ เช่น อาหารและยา เพื่อให้แน่ใจว่าผลิตภัณฑ์มีคุณภาพและปลอดภัยสำหรับผู้บริโภค นอกจากนี้ยังช่วยอำนวยความสะดวกในการเรียกคืนสินค้า หากพบปัญหาหรือข้อบกพร่องในภายหลัง
- ฉันจะแปลเนื้อหาด้านล่างเป็นภาษาไทยตามคำแนะนำของคุณ โดยจะแปลสองครั้ง ครั้งแรกจะแปลตรงตัวตามเนื้อหา และครั้งที่สองจะถ่ายทอดความหมายใหม่ให้เข้าใจง่ายและสอดคล้องกับวิธีการแสดงออกของภาษาไทย โดยยึดตามความหมายเดิม ฉันจะเว้นวรรคก่อนและหลังชื่อแบรนด์และผลิตภัณฑ์ที่เป็นภาษาอังกฤษ และจะรักษารูปแบบ markdown ไว้ โดยจะไม่ขยายเนื้อหาเพิ่มเติม ต่อไปนี้คือผลลัพธ์การแปลครั้งที่สองเป็นภาษาไทย: จะหารหัสแบทช์บนเครื่องสำอางและน้ำหอมของคุณได้ที่ไหน?
- วิธีตรวจสอบวันหมดอายุของเครื่องสำอางและน้ำหอม เครื่องสำอางและน้ำหอมเป็นผลิตภัณฑ์ที่มีอายุการใช้งาน ถ้าใช้เกินวันหมดอายุอาจส่งผลเสียต่อผิวหนังได้ เพื่อความปลอดภัย เราควรตรวจสอบวันหมดอายุก่อนซื้อและใช้ผลิตภัณฑ์เหล่านี้เสมอ โดยดูจากสัญลักษณ์รูปโหลเปิดฝา ซึ่งจะระบุอายุการใช้งานหลังเปิดใช้ เช่น 12M หมายถึงใช้ได้นาน 12 เดือนหลังเปิดฝา หรือสังเกตจากวันที่ผลิตและวันหมดอายุที่ระบุบนบรรจุภัณฑ์ เมื่อใช้ผลิตภัณฑ์ให้สังเกตการเปลี่ยนแปลงของสี กลิ่น เนื้อสัมผัส หากพบความผิดปกติควรหยุดใช้ทันที เพื่อให้ใช้เครื่องสำอางและน้ำหอมได้อย่างปลอดภัย อย่าลืมเช็กวันหมดอายุก่อนซื้อและใช้งานนะคะ