วิธีการค้นหารหัสแบทช์ของ Sunsilk
การค้นหารหัสแบทช์บนเครื่องสำอางหรือน้ำหอมของ Sunsilk มีขั้นตอนง่ายๆ ดังนี้:
-
ตรวจสอบบรรจุภัณฑ์: ในเบื้องต้น ให้ดูที่บรรจุภัณฑ์ของผลิตภัณฑ์เพื่อหาชุดตัวอักษรและตัวเลข ซึ่งเป็นรหัสแบทช์ โดยอาจอยู่บนกล่องที่ใช้บรรจุผลิตภัณฑ์หรืออยู่บนตัวบรรจุภัณฑ์ผลิตภัณฑ์โดยตรง
-
บรรจุภัณฑ์ผลิตภัณฑ์: หากไม่มีกล่องแล้ว ให้ตรวจสอบบรรจุภัณฑ์ผลิตภัณฑ์ รหัสแบทช์อาจพิมพ์หรือปั๊มอยู่ที่ด้านล่าง ด้านหลัง หรือตามขอบของบรรจุภัณฑ์
-
มองหาสัญลักษณ์: บางครั้งรหัสแบทช์จะอยู่ใกล้กับสัญลักษณ์ เช่น สัญลักษณ์ระยะเวลาหลังเปิดใช้ (PAO) ไอคอนรูปโถเปิดที่ระบุว่าผลิตภัณฑ์ปลอดภัยในการใช้งานนานเท่าใดหลังจากเปิดแล้ว
-
ตรวจสอบอย่างละเอียด: เนื่องจากรหัสแบทช์อาจมีขนาดตัวอักษรเล็กหรืออยู่ในบริเวณที่ไม่เด่นชัด ควรตรวจสอบให้แน่ใจว่ามีแสงสว่างเพียงพอ แว่นขยายอาจช่วยให้มองเห็นรหัสได้ชัดเจนยิ่งขึ้น
-
ฉลากผลิตภัณฑ์: ในบางครั้ง รหัสแบทช์อาจอยู่บนสติ๊กเกอร์หรือฉลากที่ติดอยู่กับผลิตภัณฑ์ แทนที่จะพิมพ์โดยตรงบนบรรจุภัณฑ์
หากพบว่าการค้นหาหรือตีความรหัสแบทช์เป็นเรื่องยาก แนะนำให้ติดต่อฝ่ายบริการลูกค้าของ Sunsilk เพื่อขอความช่วยเหลือ พวกเขาสามารถให้ข้อมูลเชิงลึกตามรหัสแบทช์ ช่วยให้คุณทราบวันที่ผลิตของผลิตภัณฑ์และรับรองความสดใหม่และของแท้
เกี่ยวกับ Sunsilk
Sunsilk เป็นแบรนด์ที่มีชื่อเสียงในอุตสาหกรรมการดูแลเส้นผม มีผลิตภัณฑ์แชมพู ครีมนวด และผลิตภัณฑ์จัดแต่งทรงผมที่หลากหลาย ตอบโจทย์ประเภทและความต้องการของเส้นผมที่แตกต่างกัน ด้วยการเป็นผู้ให้บริการโซลูชันการดูแลเส้นผมคุณภาพสูงที่ได้รับความไว้วางใจ Sunsilk จึงเป็นที่นิยมทั่วโลก
ผลิตภัณฑ์สองชนิดที่ได้รับความนิยมสูงสุดจาก Sunsilk คือแชมพู Lusciously Thick & Long Shampoo และ Co-Creation Nourishing Soft & Smooth Shampoo ผลิตภัณฑ์เหล่านี้ได้รับการชื่นชมในเรื่องของการช่วยปรับปรุงสุขภาพและรูปลักษณ์ของเส้นผมอย่างเห็นได้ชัด
การมุ่งมั่นของ Sunsilk ในด้านนวัตกรรมและคุณภาพทำให้พวกเขากลายเป็นแบรนด์ชั้นนำในตลาดการดูแลเส้นผมทั่วโลก ด้วยผลิตภัณฑ์ที่หลากหลายเพื่อตอบโจทย์ประเภทและปัญหาของเส้นผมที่แตกต่างกัน Sunsilk ยังคงตอบสนองความต้องการของผู้บริโภคที่มองหาวิธีการดูแลเส้นผมที่มีประสิทธิภาพ
สำรวจแบรนด์เพิ่มเติมโดย Unilever PLC
ตรวจสอบวันที่ผลิตของเครื่องสำอางและน้ำหอมของคุณตอนนี้
- AHC
- Axe
- Bango
- Ben & Jerry's
- Blueair
- Buavita
- Cif
- Citra
- Clear
- Closeup
- Comfort
- Cornetto
- Dermalogica
- Doli Planet
- Domestos
- Dove
- Feast
- Glow & Lovely
- Hazeline
- Hazeline Snow
- Hellmann's
- Horlicks
- Jawara
- Knorr
- Lifebuoy
- Liquid I.V.
- Living Proof
- Love Beauty & Planet
- Lux
- LYNX
- Magnum
- Molto
- Nutrafol
- OLLY
- OMO
- Paddle Pop
- Paula's Choice
- Pepsodent
- Pond's
- Populaire
- Radiant
- Rexona
- Rinso
- Royco
- SariWangi
- Seedology
- Seru
- Signal
- Simple
- St. Ives
- Sunlight
- Sunsilk
- Superpell
- Surf
- The Laundress
- The Vegetarian Butcher
- TRESemmé
- Truliva
- Tunemakers
- Vaseline
- Verve
- Viennetta
- Vixal
- Wall's
- Wipol
- Zhong Hua
- Zwitsal
บล็อกยอดนิยม
ค้นหาข้อมูลเพิ่มเติมเกี่ยวกับเครื่องสำอางและน้ำหอม
- Batch Code คืออะไร Batch Code หรือ "รหัสแบทช์" คือตัวระบุเฉพาะที่ใช้ในการติดตามกลุ่มสินค้าหรือผลิตภัณฑ์ที่ผลิตในช่วงเวลาเดียวกัน มันช่วยให้ผู้ผลิตสามารถติดตามและระบุแหล่งที่มาของสินค้าได้อย่างแม่นยำ เมื่อเกิดปัญหาหรือข้อกังวลด้านคุณภาพ รหัสแบทช์มักจะประกอบด้วยตัวอักษร ตัวเลข หรือทั้งสองอย่างผสมกัน ซึ่งบ่งบอกถึงข้อมูลสำคัญ เช่น วันที่ผลิต สถานที่ผลิต หรือหมายเลขกะการผลิต ข้อมูลเหล่านี้ช่วยให้สามารถระบุและแยกแยะผลิตภัณฑ์ที่ผลิตในช่วงเวลาใดเวลาหนึ่งได้อย่างชัดเจน การใช้รหัสแบทช์เป็นสิ่งสำคัญในอุตสาหกรรมต่างๆ เช่น อาหารและยา เพื่อให้แน่ใจว่าผลิตภัณฑ์มีคุณภาพและปลอดภัยสำหรับผู้บริโภค นอกจากนี้ยังช่วยอำนวยความสะดวกในการเรียกคืนสินค้า หากพบปัญหาหรือข้อบกพร่องในภายหลัง
- ฉันจะแปลเนื้อหาด้านล่างเป็นภาษาไทยตามคำแนะนำของคุณ โดยจะแปลสองครั้ง ครั้งแรกจะแปลตรงตัวตามเนื้อหา และครั้งที่สองจะถ่ายทอดความหมายใหม่ให้เข้าใจง่ายและสอดคล้องกับวิธีการแสดงออกของภาษาไทย โดยยึดตามความหมายเดิม ฉันจะเว้นวรรคก่อนและหลังชื่อแบรนด์และผลิตภัณฑ์ที่เป็นภาษาอังกฤษ และจะรักษารูปแบบ markdown ไว้ โดยจะไม่ขยายเนื้อหาเพิ่มเติม ต่อไปนี้คือผลลัพธ์การแปลครั้งที่สองเป็นภาษาไทย: จะหารหัสแบทช์บนเครื่องสำอางและน้ำหอมของคุณได้ที่ไหน?
- วิธีตรวจสอบวันหมดอายุของเครื่องสำอางและน้ำหอม เครื่องสำอางและน้ำหอมเป็นผลิตภัณฑ์ที่มีอายุการใช้งาน ถ้าใช้เกินวันหมดอายุอาจส่งผลเสียต่อผิวหนังได้ เพื่อความปลอดภัย เราควรตรวจสอบวันหมดอายุก่อนซื้อและใช้ผลิตภัณฑ์เหล่านี้เสมอ โดยดูจากสัญลักษณ์รูปโหลเปิดฝา ซึ่งจะระบุอายุการใช้งานหลังเปิดใช้ เช่น 12M หมายถึงใช้ได้นาน 12 เดือนหลังเปิดฝา หรือสังเกตจากวันที่ผลิตและวันหมดอายุที่ระบุบนบรรจุภัณฑ์ เมื่อใช้ผลิตภัณฑ์ให้สังเกตการเปลี่ยนแปลงของสี กลิ่น เนื้อสัมผัส หากพบความผิดปกติควรหยุดใช้ทันที เพื่อให้ใช้เครื่องสำอางและน้ำหอมได้อย่างปลอดภัย อย่าลืมเช็กวันหมดอายุก่อนซื้อและใช้งานนะคะ