วิธีการค้นหารหัสแบทช์ของ Karl Lagerfeld
การค้นหารหัสแบทช์บนเครื่องสำอางหรือน้ำหอมของ Karl Lagerfeld มีขั้นตอนง่ายๆ ดังนี้:
-
ตรวจสอบบรรจุภัณฑ์: ในเบื้องต้น ให้ดูที่บรรจุภัณฑ์ของผลิตภัณฑ์เพื่อหาชุดตัวอักษรและตัวเลข ซึ่งเป็นรหัสแบทช์ โดยอาจอยู่บนกล่องที่ใช้บรรจุผลิตภัณฑ์หรืออยู่บนตัวบรรจุภัณฑ์ผลิตภัณฑ์โดยตรง
-
บรรจุภัณฑ์ผลิตภัณฑ์: หากไม่มีกล่องแล้ว ให้ตรวจสอบบรรจุภัณฑ์ผลิตภัณฑ์ รหัสแบทช์อาจพิมพ์หรือปั๊มอยู่ที่ด้านล่าง ด้านหลัง หรือตามขอบของบรรจุภัณฑ์
-
มองหาสัญลักษณ์: บางครั้งรหัสแบทช์จะอยู่ใกล้กับสัญลักษณ์ เช่น สัญลักษณ์ระยะเวลาหลังเปิดใช้ (PAO) ไอคอนรูปโถเปิดที่ระบุว่าผลิตภัณฑ์ปลอดภัยในการใช้งานนานเท่าใดหลังจากเปิดแล้ว
-
ตรวจสอบอย่างละเอียด: เนื่องจากรหัสแบทช์อาจมีขนาดตัวอักษรเล็กหรืออยู่ในบริเวณที่ไม่เด่นชัด ควรตรวจสอบให้แน่ใจว่ามีแสงสว่างเพียงพอ แว่นขยายอาจช่วยให้มองเห็นรหัสได้ชัดเจนยิ่งขึ้น
-
ฉลากผลิตภัณฑ์: ในบางครั้ง รหัสแบทช์อาจอยู่บนสติ๊กเกอร์หรือฉลากที่ติดอยู่กับผลิตภัณฑ์ แทนที่จะพิมพ์โดยตรงบนบรรจุภัณฑ์
หากพบว่าการค้นหาหรือตีความรหัสแบทช์เป็นเรื่องยาก แนะนำให้ติดต่อฝ่ายบริการลูกค้าของ Karl Lagerfeld เพื่อขอความช่วยเหลือ พวกเขาสามารถให้ข้อมูลเชิงลึกตามรหัสแบทช์ ช่วยให้คุณทราบวันที่ผลิตของผลิตภัณฑ์และรับรองความสดใหม่และของแท้
เกี่ยวกับ Karl Lagerfeld
Karl Lagerfeld ดีไซน์เนอร์แฟชั่นฝรั่งเศสระดับตำนาน ได้ฝากร่องรอยที่ลบไม่ออกไว้ในโลกแห่งแฟชั่นและความสง่างาม นักตัดเย็บ, นักออกแบบ และช่างภาพ Karl Lagerfeld เป็นตัวแทนของความสง่างามในแบบฉบับชาวฝรั่งเศส ด้วยความสามารถในการแปลงเสื้อผ้าให้กลายเป็นไอเท็มชิ้นสำคัญอันเป็นเอกลักษณ์ นักออกแบบที่มีพรสวรรค์ผู้นี้ได้ริเริ่มเทรนด์มากมาย นักออกแบบที่ไม่เคยพอใจนี้ได้ก่อตั้งแบรนด์น้ำหอมของตนเองในปี 1978
ไลน์น้ำหอม Karl Lagerfeld ได้กลายมาเป็นส่วนที่เป็นที่รักของมรดกแบรนด์ ด้วยกลิ่นที่หลากหลายซึ่งจับภาพวิสัยทัศน์ของดีไซน์เนอร์ น้ำหอมของเขาได้เปิดตัวมาอย่างต่อเนื่องในช่วง 40 ปีที่ผ่านมา โดยมีขวดน้ำหอมของเขาช่วยทำให้ความฉลาดหลักแหลมของ Kaiser กลายเป็นอมตะ จาก Karl Lagerfeld Klassic Pour Femme และ Karl Lagerfeld Klassic Pour Homme อันเป็นเอกลักษณ์ไปจนถึงผลิตภัณฑ์ที่ทันสมัยยิ่งขึ้นอย่าง Karl Lagerfeld Fleur de Thé และ Karl Lagerfeld Bois d'Ambre น้ำหอมของแบรนด์นี้ได้ทำให้ผู้บริโภคชื่นชอบอย่างสม่ำเสมอด้วยเสน่ห์ที่ซับซ้อนและเหนือกาลเวลา
ชื่อและการออกแบบของ Karl Lagerfeld ยังคงได้รับการเฉลิมฉลองและเคารพนับถือจากนักเลงแฟชั่นทั่วโลก อันเป็นพยานถึงอิทธิพลที่ยั่งยืนของเขา นักออกแบบที่ไม่เคยพอใจได้ก่อตั้งแบรนด์น้ำหอมของตนเองในปี 1978 เรื่องราวนี้ยังคงดำเนินต่อมาอีกกว่า 40 ปี โดยมีขวดน้ำหอมของเขาช่วยทำให้ความฉลาดหลักแหลมของ Kaiser กลายเป็นอมตะ ด้วยแนวทางที่มีวิสัยทัศน์และความมุ่งมั่นอย่างแน่วแน่ที่จะเป็นเลิศ Karl Lagerfeld จึงได้สร้างมรดกของตนเองให้เป็นไอคอนที่แท้จริงของอุตสาหกรรมแฟชั่นและน้ำหอม
สำรวจแบรนด์เพิ่มเติมโดย Inter Parfums, Inc.
ตรวจสอบวันที่ผลิตของเครื่องสำอางและน้ำหอมของคุณตอนนี้
บล็อกยอดนิยม
ค้นหาข้อมูลเพิ่มเติมเกี่ยวกับเครื่องสำอางและน้ำหอม
- Batch Code คืออะไร Batch Code หรือ "รหัสแบทช์" คือตัวระบุเฉพาะที่ใช้ในการติดตามกลุ่มสินค้าหรือผลิตภัณฑ์ที่ผลิตในช่วงเวลาเดียวกัน มันช่วยให้ผู้ผลิตสามารถติดตามและระบุแหล่งที่มาของสินค้าได้อย่างแม่นยำ เมื่อเกิดปัญหาหรือข้อกังวลด้านคุณภาพ รหัสแบทช์มักจะประกอบด้วยตัวอักษร ตัวเลข หรือทั้งสองอย่างผสมกัน ซึ่งบ่งบอกถึงข้อมูลสำคัญ เช่น วันที่ผลิต สถานที่ผลิต หรือหมายเลขกะการผลิต ข้อมูลเหล่านี้ช่วยให้สามารถระบุและแยกแยะผลิตภัณฑ์ที่ผลิตในช่วงเวลาใดเวลาหนึ่งได้อย่างชัดเจน การใช้รหัสแบทช์เป็นสิ่งสำคัญในอุตสาหกรรมต่างๆ เช่น อาหารและยา เพื่อให้แน่ใจว่าผลิตภัณฑ์มีคุณภาพและปลอดภัยสำหรับผู้บริโภค นอกจากนี้ยังช่วยอำนวยความสะดวกในการเรียกคืนสินค้า หากพบปัญหาหรือข้อบกพร่องในภายหลัง
- ฉันจะแปลเนื้อหาด้านล่างเป็นภาษาไทยตามคำแนะนำของคุณ โดยจะแปลสองครั้ง ครั้งแรกจะแปลตรงตัวตามเนื้อหา และครั้งที่สองจะถ่ายทอดความหมายใหม่ให้เข้าใจง่ายและสอดคล้องกับวิธีการแสดงออกของภาษาไทย โดยยึดตามความหมายเดิม ฉันจะเว้นวรรคก่อนและหลังชื่อแบรนด์และผลิตภัณฑ์ที่เป็นภาษาอังกฤษ และจะรักษารูปแบบ markdown ไว้ โดยจะไม่ขยายเนื้อหาเพิ่มเติม ต่อไปนี้คือผลลัพธ์การแปลครั้งที่สองเป็นภาษาไทย: จะหารหัสแบทช์บนเครื่องสำอางและน้ำหอมของคุณได้ที่ไหน?
- วิธีตรวจสอบวันหมดอายุของเครื่องสำอางและน้ำหอม เครื่องสำอางและน้ำหอมเป็นผลิตภัณฑ์ที่มีอายุการใช้งาน ถ้าใช้เกินวันหมดอายุอาจส่งผลเสียต่อผิวหนังได้ เพื่อความปลอดภัย เราควรตรวจสอบวันหมดอายุก่อนซื้อและใช้ผลิตภัณฑ์เหล่านี้เสมอ โดยดูจากสัญลักษณ์รูปโหลเปิดฝา ซึ่งจะระบุอายุการใช้งานหลังเปิดใช้ เช่น 12M หมายถึงใช้ได้นาน 12 เดือนหลังเปิดฝา หรือสังเกตจากวันที่ผลิตและวันหมดอายุที่ระบุบนบรรจุภัณฑ์ เมื่อใช้ผลิตภัณฑ์ให้สังเกตการเปลี่ยนแปลงของสี กลิ่น เนื้อสัมผัส หากพบความผิดปกติควรหยุดใช้ทันที เพื่อให้ใช้เครื่องสำอางและน้ำหอมได้อย่างปลอดภัย อย่าลืมเช็กวันหมดอายุก่อนซื้อและใช้งานนะคะ