วิธีการค้นหารหัสแบทช์ของ Jil Sander
การค้นหารหัสแบทช์บนเครื่องสำอางหรือน้ำหอมของ Jil Sander มีขั้นตอนง่ายๆ ดังนี้:
-
ตรวจสอบบรรจุภัณฑ์: ในเบื้องต้น ให้ดูที่บรรจุภัณฑ์ของผลิตภัณฑ์เพื่อหาชุดตัวอักษรและตัวเลข ซึ่งเป็นรหัสแบทช์ โดยอาจอยู่บนกล่องที่ใช้บรรจุผลิตภัณฑ์หรืออยู่บนตัวบรรจุภัณฑ์ผลิตภัณฑ์โดยตรง
-
บรรจุภัณฑ์ผลิตภัณฑ์: หากไม่มีกล่องแล้ว ให้ตรวจสอบบรรจุภัณฑ์ผลิตภัณฑ์ รหัสแบทช์อาจพิมพ์หรือปั๊มอยู่ที่ด้านล่าง ด้านหลัง หรือตามขอบของบรรจุภัณฑ์
-
มองหาสัญลักษณ์: บางครั้งรหัสแบทช์จะอยู่ใกล้กับสัญลักษณ์ เช่น สัญลักษณ์ระยะเวลาหลังเปิดใช้ (PAO) ไอคอนรูปโถเปิดที่ระบุว่าผลิตภัณฑ์ปลอดภัยในการใช้งานนานเท่าใดหลังจากเปิดแล้ว
-
ตรวจสอบอย่างละเอียด: เนื่องจากรหัสแบทช์อาจมีขนาดตัวอักษรเล็กหรืออยู่ในบริเวณที่ไม่เด่นชัด ควรตรวจสอบให้แน่ใจว่ามีแสงสว่างเพียงพอ แว่นขยายอาจช่วยให้มองเห็นรหัสได้ชัดเจนยิ่งขึ้น
-
ฉลากผลิตภัณฑ์: ในบางครั้ง รหัสแบทช์อาจอยู่บนสติ๊กเกอร์หรือฉลากที่ติดอยู่กับผลิตภัณฑ์ แทนที่จะพิมพ์โดยตรงบนบรรจุภัณฑ์
หากพบว่าการค้นหาหรือตีความรหัสแบทช์เป็นเรื่องยาก แนะนำให้ติดต่อฝ่ายบริการลูกค้าของ Jil Sander เพื่อขอความช่วยเหลือ พวกเขาสามารถให้ข้อมูลเชิงลึกตามรหัสแบทช์ ช่วยให้คุณทราบวันที่ผลิตของผลิตภัณฑ์และรับรองความสดใหม่และของแท้
เกี่ยวกับ Jil Sander
Jil Sander เป็นแบรนด์แฟชั่นชั้นนำของยุโรปที่มีชื่อเสียงโด่งดังและเป็นเจ้าของโดย Coty Inc. มานานหลายทศวรรษ แบรนด์นี้ได้สร้างชื่อเสียงจากความเรียบหรูและงานฝีมือชั้นเยี่ยม ก่อตั้งขึ้นในปี 1968 ที่เมืองฮัมบูร์ก ประเทศเยอรมนี Jil Sander ได้สร้างชื่อเสียงจากสไตล์มินิมอลและความทุ่มเทในการสร้างสรรค์ผลงานที่โดดเด่น
หัวใจสำคัญของ Jil Sander อยู่ที่คอลเลกชันแฟชั่นซิกเนเจอร์ ซึ่งผสมผสานองค์ประกอบความคมชัดและความเป็นชายเข้ากับความอ่อนโยนและอารมณ์ความรู้สึกของผู้หญิงได้อย่างลงตัว ภายใต้การกำกับของ Lucie และ Luke Meier ตั้งแต่ปี 2017 แบรนด์ยังคงพัฒนาอย่างต่อเนื่อง สร้างกระแสไปทั่วโลกและได้รับการยกย่องจากนักวิจารณ์อย่างกว้างขวาง
นอกจากจะโดดเด่นในวงการแฟชั่นแล้ว Jil Sander ยังสร้างชื่อเสียงในโลกของน้ำหอมอีกด้วย Jil Sander Parfums ที่เปิดตัวร่วมกับ Coty นั้นสะท้อนคุณค่าหลักของแบรนด์ในเรื่องความเรียบง่าย ความเป็นอยู่ที่ดี และประสบการณ์ทางประสาทสัมผัส คอลเลกชันน้ำหอมหรูหราที่ผลิตจากส่วนผสมชั้นเลิศ มอบโอกาสให้ผู้บริโภคได้สัมผัสกับปรัชญาของ Jil Sander ที่เน้นความเรียบหรูอย่างลึกซึ้ง ในขณะที่ Jil Sander ยังคงเติบโตและพัฒนาต่อไป แบรนด์ยังคงเป็นสัญลักษณ์ของสไตล์อันเป็นนิรันดร์และเป็นเครื่องพิสูจน์ถึงพลังที่ยั่งยืนของความเรียบง่ายและคุณภาพ
สำรวจแบรนด์เพิ่มเติมโดย Coty Inc.
ตรวจสอบวันที่ผลิตของเครื่องสำอางและน้ำหอมของคุณตอนนี้
- Adidas
- Bourjois
- Bozzano
- Bruno Banani
- Burberry
- Calvin Klein
- Cenoura & Bronze
- Chloé
- Covergirl
- David Beckham
- Davidoff
- Escada
- Etro
- Gabriela Sabatini
- Gucci
- Hugo Boss
- Infiniment Coty Paris
- Jil Sander
- Joop!
- Katy Perry
- Kylie Baby
- Kylie Cosmetics
- Kylie Skin
- Lancaster
- Manhattan
- Marc Jacobs
- Marni
- Max Factor
- Mexx
- Miss Sporty
- Monange
- Nautica
- Orveda
- Paixão
- Philosophy
- Rimmel
- Risqué
- Sally Hansen
- Skkn
- Vera Wang
บล็อกยอดนิยม
ค้นหาข้อมูลเพิ่มเติมเกี่ยวกับเครื่องสำอางและน้ำหอม
- Batch Code คืออะไร Batch Code หรือ "รหัสแบทช์" คือตัวระบุเฉพาะที่ใช้ในการติดตามกลุ่มสินค้าหรือผลิตภัณฑ์ที่ผลิตในช่วงเวลาเดียวกัน มันช่วยให้ผู้ผลิตสามารถติดตามและระบุแหล่งที่มาของสินค้าได้อย่างแม่นยำ เมื่อเกิดปัญหาหรือข้อกังวลด้านคุณภาพ รหัสแบทช์มักจะประกอบด้วยตัวอักษร ตัวเลข หรือทั้งสองอย่างผสมกัน ซึ่งบ่งบอกถึงข้อมูลสำคัญ เช่น วันที่ผลิต สถานที่ผลิต หรือหมายเลขกะการผลิต ข้อมูลเหล่านี้ช่วยให้สามารถระบุและแยกแยะผลิตภัณฑ์ที่ผลิตในช่วงเวลาใดเวลาหนึ่งได้อย่างชัดเจน การใช้รหัสแบทช์เป็นสิ่งสำคัญในอุตสาหกรรมต่างๆ เช่น อาหารและยา เพื่อให้แน่ใจว่าผลิตภัณฑ์มีคุณภาพและปลอดภัยสำหรับผู้บริโภค นอกจากนี้ยังช่วยอำนวยความสะดวกในการเรียกคืนสินค้า หากพบปัญหาหรือข้อบกพร่องในภายหลัง
- ฉันจะแปลเนื้อหาด้านล่างเป็นภาษาไทยตามคำแนะนำของคุณ โดยจะแปลสองครั้ง ครั้งแรกจะแปลตรงตัวตามเนื้อหา และครั้งที่สองจะถ่ายทอดความหมายใหม่ให้เข้าใจง่ายและสอดคล้องกับวิธีการแสดงออกของภาษาไทย โดยยึดตามความหมายเดิม ฉันจะเว้นวรรคก่อนและหลังชื่อแบรนด์และผลิตภัณฑ์ที่เป็นภาษาอังกฤษ และจะรักษารูปแบบ markdown ไว้ โดยจะไม่ขยายเนื้อหาเพิ่มเติม ต่อไปนี้คือผลลัพธ์การแปลครั้งที่สองเป็นภาษาไทย: จะหารหัสแบทช์บนเครื่องสำอางและน้ำหอมของคุณได้ที่ไหน?
- วิธีตรวจสอบวันหมดอายุของเครื่องสำอางและน้ำหอม เครื่องสำอางและน้ำหอมเป็นผลิตภัณฑ์ที่มีอายุการใช้งาน ถ้าใช้เกินวันหมดอายุอาจส่งผลเสียต่อผิวหนังได้ เพื่อความปลอดภัย เราควรตรวจสอบวันหมดอายุก่อนซื้อและใช้ผลิตภัณฑ์เหล่านี้เสมอ โดยดูจากสัญลักษณ์รูปโหลเปิดฝา ซึ่งจะระบุอายุการใช้งานหลังเปิดใช้ เช่น 12M หมายถึงใช้ได้นาน 12 เดือนหลังเปิดฝา หรือสังเกตจากวันที่ผลิตและวันหมดอายุที่ระบุบนบรรจุภัณฑ์ เมื่อใช้ผลิตภัณฑ์ให้สังเกตการเปลี่ยนแปลงของสี กลิ่น เนื้อสัมผัส หากพบความผิดปกติควรหยุดใช้ทันที เพื่อให้ใช้เครื่องสำอางและน้ำหอมได้อย่างปลอดภัย อย่าลืมเช็กวันหมดอายุก่อนซื้อและใช้งานนะคะ