วิธีการค้นหารหัสแบทช์ของ hej:pure
การค้นหารหัสแบทช์บนเครื่องสำอางหรือน้ำหอมของ hej:pure มีขั้นตอนง่ายๆ ดังนี้:
-
ตรวจสอบบรรจุภัณฑ์: ในเบื้องต้น ให้ดูที่บรรจุภัณฑ์ของผลิตภัณฑ์เพื่อหาชุดตัวอักษรและตัวเลข ซึ่งเป็นรหัสแบทช์ โดยอาจอยู่บนกล่องที่ใช้บรรจุผลิตภัณฑ์หรืออยู่บนตัวบรรจุภัณฑ์ผลิตภัณฑ์โดยตรง
-
บรรจุภัณฑ์ผลิตภัณฑ์: หากไม่มีกล่องแล้ว ให้ตรวจสอบบรรจุภัณฑ์ผลิตภัณฑ์ รหัสแบทช์อาจพิมพ์หรือปั๊มอยู่ที่ด้านล่าง ด้านหลัง หรือตามขอบของบรรจุภัณฑ์
-
มองหาสัญลักษณ์: บางครั้งรหัสแบทช์จะอยู่ใกล้กับสัญลักษณ์ เช่น สัญลักษณ์ระยะเวลาหลังเปิดใช้ (PAO) ไอคอนรูปโถเปิดที่ระบุว่าผลิตภัณฑ์ปลอดภัยในการใช้งานนานเท่าใดหลังจากเปิดแล้ว
-
ตรวจสอบอย่างละเอียด: เนื่องจากรหัสแบทช์อาจมีขนาดตัวอักษรเล็กหรืออยู่ในบริเวณที่ไม่เด่นชัด ควรตรวจสอบให้แน่ใจว่ามีแสงสว่างเพียงพอ แว่นขยายอาจช่วยให้มองเห็นรหัสได้ชัดเจนยิ่งขึ้น
-
ฉลากผลิตภัณฑ์: ในบางครั้ง รหัสแบทช์อาจอยู่บนสติ๊กเกอร์หรือฉลากที่ติดอยู่กับผลิตภัณฑ์ แทนที่จะพิมพ์โดยตรงบนบรรจุภัณฑ์
หากพบว่าการค้นหาหรือตีความรหัสแบทช์เป็นเรื่องยาก แนะนำให้ติดต่อฝ่ายบริการลูกค้าของ hej:pure เพื่อขอความช่วยเหลือ พวกเขาสามารถให้ข้อมูลเชิงลึกตามรหัสแบทช์ ช่วยให้คุณทราบวันที่ผลิตของผลิตภัณฑ์และรับรองความสดใหม่และของแท้
เกี่ยวกับ hej:pure
hej:pure เป็นแบรนด์น้ำหอมยั่งยืนใหม่ที่เปิดตัวโดย Mäurer & Wirtz ในปี 2022 ซึ่งกำลังเป็นที่นิยมในอุตสาหกรรมความงาม ด้วยความมุ่งมั่นในการรับผิดชอบต่อสิ่งแวดล้อมและแนวทางการสร้างสรรค์น้ำหอมที่เป็นนวัตกรรม โดยคำนึงถึงหลักการ "ออกแบบเพื่อการรีไซเคิล" ผลิตภัณฑ์ทั้งหมดของ hej:pure ตั้งแต่น้ำหอมจนถึงบรรจุภัณฑ์ ล้วนให้ความสำคัญกับความยั่งยืนโดยไม่ละทิ้งสไตล์หรือคุณภาพ
น้ำหอมสามกลิ่นเอกลักษณ์ของแบรนด์ ได้แก่ pure flower, pure water, และ pure wood ได้รับความนิยมอย่างรวดเร็วจากการผสมผสานระหว่างความยั่งยืนและความประณีต กลิ่น pure flower เป็นกลิ่นสำหรับผู้หญิงที่มีดอกกุหลาบเป็นส่วนประกอบหลัก มอบความสดชื่นแบบฤดูร้อนและเสน่ห์แบบดั้งเดิม กลิ่น pure water เป็นน้ำหอมสำหรับผู้หญิงอีกกลิ่นหนึ่งที่มีมะลิจากอินเดีย เป็นกลิ่นหอมที่ชวนให้นึกถึงความสดชื่นของการสาดน้ำในวันหยุดฤดูร้อน ส่วนกลิ่น pure wood เป็นน้ำหอมที่ใช้ได้ทั้งชายและหญิง โดยได้แรงบันดาลใจจาก vetiver ซึ่งจับเอาความรู้สึกสดชื่นของการเดินเล่นในป่ายามเช้า ผสมผสานความอบอุ่นและความมหัศจรรย์
hej:pure ไม่เพียงแค่มุ่งเน้นความยั่งยืนในน้ำหอมเท่านั้น บรรจุภัณฑ์ของแบรนด์ยังสามารถรีไซเคิลได้ถึง 98% โดยใช้ขวดแก้ว กล่องกระดาษรีไซเคิล และการใช้พลาสติกให้น้อยที่สุด นอกจากนี้ hej:pure ยังได้ร่วมมือกับองค์กรต่าง ๆ เช่น World Wildlife Foundation และ ClimatePartner เพื่อสนับสนุนโครงการด้านสิ่งแวดล้อมและลดการปล่อยคาร์บอน ทำให้เป็นแบรนด์ที่มีความเป็นกลางทางสภาพภูมิอากาศอย่างสมบูรณ์ ด้วยสูตรที่สะอาดและมังสวิรัติ รวมถึงการจัดหาวัตถุดิบอย่างมีจริยธรรม hej:pure กำลังสร้างมาตรฐานใหม่สำหรับความหรูหราอย่างยั่งยืนในอุตสาหกรรมน้ำหอม
สำรวจแบรนด์เพิ่มเติมโดย Mäurer + Wirtz GmbH & Co. KG
ตรวจสอบวันที่ผลิตของเครื่องสำอางและน้ำหอมของคุณตอนนี้
บล็อกยอดนิยม
ค้นหาข้อมูลเพิ่มเติมเกี่ยวกับเครื่องสำอางและน้ำหอม
- Batch Code คืออะไร Batch Code หรือ "รหัสแบทช์" คือตัวระบุเฉพาะที่ใช้ในการติดตามกลุ่มสินค้าหรือผลิตภัณฑ์ที่ผลิตในช่วงเวลาเดียวกัน มันช่วยให้ผู้ผลิตสามารถติดตามและระบุแหล่งที่มาของสินค้าได้อย่างแม่นยำ เมื่อเกิดปัญหาหรือข้อกังวลด้านคุณภาพ รหัสแบทช์มักจะประกอบด้วยตัวอักษร ตัวเลข หรือทั้งสองอย่างผสมกัน ซึ่งบ่งบอกถึงข้อมูลสำคัญ เช่น วันที่ผลิต สถานที่ผลิต หรือหมายเลขกะการผลิต ข้อมูลเหล่านี้ช่วยให้สามารถระบุและแยกแยะผลิตภัณฑ์ที่ผลิตในช่วงเวลาใดเวลาหนึ่งได้อย่างชัดเจน การใช้รหัสแบทช์เป็นสิ่งสำคัญในอุตสาหกรรมต่างๆ เช่น อาหารและยา เพื่อให้แน่ใจว่าผลิตภัณฑ์มีคุณภาพและปลอดภัยสำหรับผู้บริโภค นอกจากนี้ยังช่วยอำนวยความสะดวกในการเรียกคืนสินค้า หากพบปัญหาหรือข้อบกพร่องในภายหลัง
- ฉันจะแปลเนื้อหาด้านล่างเป็นภาษาไทยตามคำแนะนำของคุณ โดยจะแปลสองครั้ง ครั้งแรกจะแปลตรงตัวตามเนื้อหา และครั้งที่สองจะถ่ายทอดความหมายใหม่ให้เข้าใจง่ายและสอดคล้องกับวิธีการแสดงออกของภาษาไทย โดยยึดตามความหมายเดิม ฉันจะเว้นวรรคก่อนและหลังชื่อแบรนด์และผลิตภัณฑ์ที่เป็นภาษาอังกฤษ และจะรักษารูปแบบ markdown ไว้ โดยจะไม่ขยายเนื้อหาเพิ่มเติม ต่อไปนี้คือผลลัพธ์การแปลครั้งที่สองเป็นภาษาไทย: จะหารหัสแบทช์บนเครื่องสำอางและน้ำหอมของคุณได้ที่ไหน?
- วิธีตรวจสอบวันหมดอายุของเครื่องสำอางและน้ำหอม เครื่องสำอางและน้ำหอมเป็นผลิตภัณฑ์ที่มีอายุการใช้งาน ถ้าใช้เกินวันหมดอายุอาจส่งผลเสียต่อผิวหนังได้ เพื่อความปลอดภัย เราควรตรวจสอบวันหมดอายุก่อนซื้อและใช้ผลิตภัณฑ์เหล่านี้เสมอ โดยดูจากสัญลักษณ์รูปโหลเปิดฝา ซึ่งจะระบุอายุการใช้งานหลังเปิดใช้ เช่น 12M หมายถึงใช้ได้นาน 12 เดือนหลังเปิดฝา หรือสังเกตจากวันที่ผลิตและวันหมดอายุที่ระบุบนบรรจุภัณฑ์ เมื่อใช้ผลิตภัณฑ์ให้สังเกตการเปลี่ยนแปลงของสี กลิ่น เนื้อสัมผัส หากพบความผิดปกติควรหยุดใช้ทันที เพื่อให้ใช้เครื่องสำอางและน้ำหอมได้อย่างปลอดภัย อย่าลืมเช็กวันหมดอายุก่อนซื้อและใช้งานนะคะ