วิธีการค้นหารหัสแบทช์ของ HALSTON
การค้นหารหัสแบทช์บนเครื่องสำอางหรือน้ำหอมของ HALSTON มีขั้นตอนง่ายๆ ดังนี้:
-
ตรวจสอบบรรจุภัณฑ์: ในเบื้องต้น ให้ดูที่บรรจุภัณฑ์ของผลิตภัณฑ์เพื่อหาชุดตัวอักษรและตัวเลข ซึ่งเป็นรหัสแบทช์ โดยอาจอยู่บนกล่องที่ใช้บรรจุผลิตภัณฑ์หรืออยู่บนตัวบรรจุภัณฑ์ผลิตภัณฑ์โดยตรง
-
บรรจุภัณฑ์ผลิตภัณฑ์: หากไม่มีกล่องแล้ว ให้ตรวจสอบบรรจุภัณฑ์ผลิตภัณฑ์ รหัสแบทช์อาจพิมพ์หรือปั๊มอยู่ที่ด้านล่าง ด้านหลัง หรือตามขอบของบรรจุภัณฑ์
-
มองหาสัญลักษณ์: บางครั้งรหัสแบทช์จะอยู่ใกล้กับสัญลักษณ์ เช่น สัญลักษณ์ระยะเวลาหลังเปิดใช้ (PAO) ไอคอนรูปโถเปิดที่ระบุว่าผลิตภัณฑ์ปลอดภัยในการใช้งานนานเท่าใดหลังจากเปิดแล้ว
-
ตรวจสอบอย่างละเอียด: เนื่องจากรหัสแบทช์อาจมีขนาดตัวอักษรเล็กหรืออยู่ในบริเวณที่ไม่เด่นชัด ควรตรวจสอบให้แน่ใจว่ามีแสงสว่างเพียงพอ แว่นขยายอาจช่วยให้มองเห็นรหัสได้ชัดเจนยิ่งขึ้น
-
ฉลากผลิตภัณฑ์: ในบางครั้ง รหัสแบทช์อาจอยู่บนสติ๊กเกอร์หรือฉลากที่ติดอยู่กับผลิตภัณฑ์ แทนที่จะพิมพ์โดยตรงบนบรรจุภัณฑ์
หากพบว่าการค้นหาหรือตีความรหัสแบทช์เป็นเรื่องยาก แนะนำให้ติดต่อฝ่ายบริการลูกค้าของ HALSTON เพื่อขอความช่วยเหลือ พวกเขาสามารถให้ข้อมูลเชิงลึกตามรหัสแบทช์ ช่วยให้คุณทราบวันที่ผลิตของผลิตภัณฑ์และรับรองความสดใหม่และของแท้
เกี่ยวกับ HALSTON
สร้างขึ้นในปี 1968 โดย Roy Halston Frowick, HALSTON เป็นบ้านแฟชั่นหรูหราที่ตอนนี้เป็นเจ้าของของ Revlon, Inc. ที่โดดเด่นด้วยการออกแบบนวัตกรรมและผลิตภัณฑ์คุณภาพสูง HALSTON ได้รับความนิยมด้วยลักษณะการออกแบบที่เรียบง่ายแต่ดูดชัยมีคุณภาพ เมื่อเวลาผ่านไปแบรนด์ขยายตัวเข้าสู่กลิ่นหอม ผลิตภัณฑ์ดูแลผิวหน้า และเครื่องสำอาง โดยยึดมั่นในการให้ความสวยงามและความดีดี
ผลิตภัณฑ์แด่ลูกค้าหลักของ HALSTON คือน้ำหอมสุภาพสตรีสัญชาติ 'Halston Woman' ที่เปิดตัวในปี 1975 กลิ่นหอมที่ไม่สมัยนี้ผสมผสานของดอกมะลิ ดอกส้มชวนชม และไม้แสนดัด เป็นตัวแทนของหอมแบรนด์ ทันสมัย มั่นคง และสร้างความโดดเด่น ขณะที่น้ำหอม HALSTON CLASSIC ที่น่าทึ่งอีกอย่างหนึ่ง ที่เริ่มต้นในปี 1976 มีส่วนผสมของอัลเดฮิด พีช และเมล็ดโอ๊คมอส ซึ่งเป็นสัญลักษณ์ของมรดกที่ยืนยาวในอุตสาหกรรมน้ำหอม
เป็นส่วนหนึ่งของ Revlon, Inc., HALSTON ได้รับประโยชน์จากทรัพยากรที่หลากหลายและเครือข่ายการกระจายสินค้าที่กว้างขวางของคอนโกมเมอร์เพียร์ แม้ว่าจะต้องเผชิญหน้ากับคู่แข่งที่แข็งแกร่งในตลาดเครื่องสำอางแฟชั่นหรูหรา HALSTON ยังคงมีชื่อเสียงอยู่ในตลาด โดยเน้นที่น้ำหอมสัญชาติและการสนับสนุนจากคนดัง ผู้บริโภคเชื่อมั่นในแบรนด์ว่าเป็นสัญลักษณ์ของความสง่างาม คุณภาพ และสไตล์ที่ไม่สลับซึ่งรักษาตำแหน่งที่น่าเชื่อถือในอุตสาหกรรม
สำรวจแบรนด์เพิ่มเติมโดย Revlon, Inc.
ตรวจสอบวันที่ผลิตของเครื่องสำอางและน้ำหอมของคุณตอนนี้
- ALFRED SUNG
- Almay
- American Crew
- Britney Spears Fragrances
- Charlie
- Christina Aguilera Fragrances
- CND
- Creme of Nature
- Curve
- Cutex
- d:fi
- Ed Hardy
- Elizabeth Arden
- Giorgio Beverly Hills
- GREY FLANNEL
- HALSTON
- INTERCOSMO
- Jean Nate
- John Varvatos
- Juicy Couture
- Lucky You By Lucky Brand
- Mitchum
- Orofluido
- Revlon
- SinfulColors
- The Elizabeth Taylor Fragrance Collection
บล็อกยอดนิยม
ค้นหาข้อมูลเพิ่มเติมเกี่ยวกับเครื่องสำอางและน้ำหอม
- Batch Code คืออะไร Batch Code หรือ "รหัสแบทช์" คือตัวระบุเฉพาะที่ใช้ในการติดตามกลุ่มสินค้าหรือผลิตภัณฑ์ที่ผลิตในช่วงเวลาเดียวกัน มันช่วยให้ผู้ผลิตสามารถติดตามและระบุแหล่งที่มาของสินค้าได้อย่างแม่นยำ เมื่อเกิดปัญหาหรือข้อกังวลด้านคุณภาพ รหัสแบทช์มักจะประกอบด้วยตัวอักษร ตัวเลข หรือทั้งสองอย่างผสมกัน ซึ่งบ่งบอกถึงข้อมูลสำคัญ เช่น วันที่ผลิต สถานที่ผลิต หรือหมายเลขกะการผลิต ข้อมูลเหล่านี้ช่วยให้สามารถระบุและแยกแยะผลิตภัณฑ์ที่ผลิตในช่วงเวลาใดเวลาหนึ่งได้อย่างชัดเจน การใช้รหัสแบทช์เป็นสิ่งสำคัญในอุตสาหกรรมต่างๆ เช่น อาหารและยา เพื่อให้แน่ใจว่าผลิตภัณฑ์มีคุณภาพและปลอดภัยสำหรับผู้บริโภค นอกจากนี้ยังช่วยอำนวยความสะดวกในการเรียกคืนสินค้า หากพบปัญหาหรือข้อบกพร่องในภายหลัง
- ฉันจะแปลเนื้อหาด้านล่างเป็นภาษาไทยตามคำแนะนำของคุณ โดยจะแปลสองครั้ง ครั้งแรกจะแปลตรงตัวตามเนื้อหา และครั้งที่สองจะถ่ายทอดความหมายใหม่ให้เข้าใจง่ายและสอดคล้องกับวิธีการแสดงออกของภาษาไทย โดยยึดตามความหมายเดิม ฉันจะเว้นวรรคก่อนและหลังชื่อแบรนด์และผลิตภัณฑ์ที่เป็นภาษาอังกฤษ และจะรักษารูปแบบ markdown ไว้ โดยจะไม่ขยายเนื้อหาเพิ่มเติม ต่อไปนี้คือผลลัพธ์การแปลครั้งที่สองเป็นภาษาไทย: จะหารหัสแบทช์บนเครื่องสำอางและน้ำหอมของคุณได้ที่ไหน?
- วิธีตรวจสอบวันหมดอายุของเครื่องสำอางและน้ำหอม เครื่องสำอางและน้ำหอมเป็นผลิตภัณฑ์ที่มีอายุการใช้งาน ถ้าใช้เกินวันหมดอายุอาจส่งผลเสียต่อผิวหนังได้ เพื่อความปลอดภัย เราควรตรวจสอบวันหมดอายุก่อนซื้อและใช้ผลิตภัณฑ์เหล่านี้เสมอ โดยดูจากสัญลักษณ์รูปโหลเปิดฝา ซึ่งจะระบุอายุการใช้งานหลังเปิดใช้ เช่น 12M หมายถึงใช้ได้นาน 12 เดือนหลังเปิดฝา หรือสังเกตจากวันที่ผลิตและวันหมดอายุที่ระบุบนบรรจุภัณฑ์ เมื่อใช้ผลิตภัณฑ์ให้สังเกตการเปลี่ยนแปลงของสี กลิ่น เนื้อสัมผัส หากพบความผิดปกติควรหยุดใช้ทันที เพื่อให้ใช้เครื่องสำอางและน้ำหอมได้อย่างปลอดภัย อย่าลืมเช็กวันหมดอายุก่อนซื้อและใช้งานนะคะ